วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

ทดสอบกลางภาค

ทดสอบกลางภาค

คำชี้แจง ให้นักศึกษาอ่านแล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้
1. กฎหมายคืออะไร จงอธิบาย และการบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติหมายความว่าอย่างไร
                ตอบ กฎหมาย คือ
คำสั่งหรือข้อบังคับความประพฤติของมนุษย์ ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุด หรือรัฏฐาธิปัตย์เป็นผู้บัญญัติขึ้นผู้ใดฝ่าฝืน มีสภาพบังคับ  การบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติ หมายความว่า กฎหมายต้องเป็นเรื่องที่เมื่อประกาศใช้แล้วจะมีผลบังคับเป็นการทั่วไป  ไม่ใช่กำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่ง  หรือให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดปฏิบัติตามเท่านั้น  ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีอายุ  เพศ  หรือฐานะอย่างไรก็ตกอยู่ภายใต้ของการใช้บังคับกฎของกฎหมายอันเดียวกัน 
.........................................................................................................................................................................................................................
2. การที่กฎหมายกำหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และเอกชน จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ท่านเห็นด้วยหรือไม่เพราะอะไร จงให้เหตุผลประกอบ
                ตอบ
เห็นด้วย เพราะถ้าครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ทั้งรัฐและเอกชนมีใบประกอบวิชาชีพจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพและยากแก่การที่จะสอบบรรจุและบิดามารดาหรือผู้ปกครองที่จะนำบุตรหลานของตนมาฝากเรียนจะมีความเอมั่นและไว้วางใจได้ว่าสามารถที่จะดูแลบุตรหลานของตนได้เป็นอย่างดี
..........................................................................................................................................................................
...............................................
3. ท่านมีแนวทางในการระดมทุน และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของท่านอย่างไรบ้าง อธิบายยกตัวอย่าง
                ตอบ
การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาในท้องถิ่น คือ การเข้ามามีส่วนร่วมโดยรับฟังความคิดเห็น การให้คำแนะนำและนำไปปฏิบัติเพื่อการพัฒนาสถานศึกษาซึ่งนำไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น และการให้การสนับสนุนการจัดการศึกษาตามความเหมาะสมของแต่ละท้องถิ่น
..........................................................................................................................................................................
4. รูปแบบการจัดการศึกษามีกี่รูปแบบอะไรบ้าง และการศึกษาในระบบมีกี่ระดับประกอบด้วยอะไรบ้าง
                ตอบ รูปแบบการจัดการศึกษามี
3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษา
ตามอัธยาศัย
                       การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
.........................................................................................................................................................................................................................
5. ท่านเข้าใจการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อธิบายยกตัวอย่างประกอบ
                ตอบ  การศึกษาภาคบังคับนั้นต่างจากการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่บังคับให้ประชาชนต้องเข้าเรียนแต่เป็นสิทธิ์ของคนไทย ส่วนการศึกษาภาคบังคับเป็นการบังคับให้เข้าเรียนถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองตามมาตรา 69 ของรัฐธรรมนูญ
.........................................................................................................................................................................................................................
6. การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 มีการแบ่งส่วนราชการเป็นอย่างไร และมีใครเป็นหัวหน้าส่วนราชการดังกล่าว อธิบายยกตัวอย่าง
                ตอบ   มาตรา 10 การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
1. สำนักงานรัฐมนตรี
2. สำนักงานปลัดกระทรวง
3. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
4. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
6. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม   เป็นหัวหน้า
.........................................................................................................................................................................................................................
7. จงบอกเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
                ตอบ
เพราะว่า การประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 นี้เป็นการที่ให้บุคลากรทางการศึกษาได้ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และระเบียบแบบแผนร่วมกัน    
.........................................................................................................................................................................................................................
8.ท่านเข้าใจหรือไม่ว่า ถ้ามีบุคลากรไปให้ความรู้หรือสอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นครั้งคราว หรือไปสอนเป็นประจำ หากพิจารณาจากพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 กระทำผิดตาม พรบ.นี้หรือไม่เพราะเหตุใด 
                ตอบ ไม่ผิด ถ้าเกิดว่าบุคลากรที่ไปให้ความรู้นั้นมีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
.........................................................................................................................................................................................................................
9.ท่านเข้าใจความหมายโทษทางวินัย สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างไร อธิบาย และโทษทางวินัยมีกี่สถาน อะไรบ้าง
                ตอบ
 วินัย  คือ กฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และแบบธรรมเนียมที่กำหนดให้ปฏิบัติตามหรืองดเว้นการปฏิบัติ 
          โทษทางวินัย มี 5 สถาน คือ
                1 ภาคทัณฑ์ >> ไม่ร้ายแรง
                2 ตัดเงินเดือน >> ไม่ร้ายแรง
                3 ลดขั้นเงินเดือน >> ไม่ร้ายแรง
                4 ปลดออก >> ร้ายแรง
                5 ไล่ออก >> ร้ายแรง
.........................................................................................................................................................................................................................
10.ท่านเข้าใจคำว่า เด็ก เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่อยู่ในสภาพลำบาก เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ทารุณกรรม ที่สอดคล้องกับ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 อย่างไรจงอธิบาย ตามความเข้าของท่าน
                ตอบ  เด็ก  หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส เด็กเร่ร่อน หมายความว่า เด็กที่ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือมีแต่ไม่เลี้ยงดูหรือไม่สามารถเลี้ยงดูได้  เด็กกำพร้า หมายความว่า เด็กที่บิดามารดาเสียชีวิต เด็กที่ไม่ปรากฏบิดมารดาหรือไม่สามารถสืบหาบิดามารดา  เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก  หมายความว่า เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ยากจนหรือบิดามารดาหย่าร้าง ทิ้งร้าง ถูกคุมขังหรือแยกกันอยู่และได้รับความลำบาก เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด หมายความว่า เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร เด็กที่ประกอบอาชีพหรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่น่าคบหาจะชักนำไปในทางกระทำผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี  ทารุณกรรม หมายความว่า การกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด ๆ จนเป็นเหตุให้เด็กเสื่อมเสียเสรีภาพหรือเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
.........................................................................................................................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น